|
ข่าว: บทความ
โดย
nammon ห้องสมุดโรงพยาบาลยุวประสาทไวทโยปถัมภ์
nammon เมื่อ11:15 16/ตุลาคม/2561 (6 ปี 8 เดือนที่แล้ว) |
เรื่องวุ่นๆของเจ้าเต๋า ผู้ไม่อยากไปโรงเรียน
*สุภาวดี ชุ่มจิตต์
เมื่อประมาณต้นเดือนมิถุนายน 2545 มีเรื่องตื่นเต้นที่ฉันยังจำได้ไม่เคยลืม เสียงโทรศัพท์ดังมาที่วอร์ดของฉัน คุณหมอจะขอAdmit เด็กผู้ชายคนหนึ่ง เนื่องจากหมอนี่ไม่ชอบการไปโรงเรียนและเป็นนักหนีโรงเรียนตัวยง อีกประมาณ 20 นาที ต่อมาเด็กชายดังกล่าวถูกส่งมาที่วอร์ดพร้อมกับมารดา ฉันสังเกตเจ้าหนูเด็กคนนี้หน้าตาคมสัน รูปร่างสันทัด ผิวเนื้อดำแดง แต่งกายสะอาด แต่สีหน้าของพ่อเจ้าพระคุณบอกบุญไม่รับ บูดบิ้งและมีคราบน้ำตาเป็นทางยาวอยู่บนแก้มของเธอ ดิฉันเริ่มใช้วิทยายุทธผูกมิตรกับเจ้าหนู “หนูชื่ออะไรคะ” เด็กนั่งก้มหน้าไม่พูดไม่จา จนคุณแม่ทนไม่ไหว “บอกหมอซิลูก” เธอไม่ตอบ คุณแม่เลยตอบแทน “ชื่อเต๋าคะ” ฉันบอกเธอว่า “ชื่อเก๋นะ..ขอเวลาให้พยาบาลคุยกับคุณแม่ก่อนนะ”ส่วนหนูไปเดินเที่ยวเล่นกับพี่พยาบาลก่อนนะคะ
ฉันคุยกับคุณแม่ได้ความว่า แม่มีลูกตั้งแต่อายุยังน้อย แต่งงานขณะที่ยังไม่พร้อม ปัจจุบันแยกทางกับสามี ลูกอยู่กับแม่โดยตากับยายช่วยดูแล ปัญหาของเต๋า คือ ชอบหนีโรงเรียน ยายไปส่งที่โรงเรียน ปรากฏว่าเด็กหนีกลับบ้าน ประกอบกับผลการเรียนตกต่ำ สอบไม่ผ่าน อยู่โรงเรียนเก่าครูระอาและเรียกผู้ปกครองไปพบขอให้เด็กลาออก ทางบ้านกลุ้มใจมากเพื่อนบ้านแนะนำให้มาตรวจที่โรงพยาบาลยุวประสาทฯ ว่าลูกปัญญาทึบหรือเปล่า และทำไมชอบหนีโรงเรียน
เมื่อตกลงบริการเรียบร้อย จึงเรียกเต๋ามาอธิบายให้เด็กเข้าใจว่าต้องอยู่โรงพยาบาลสักพักก่อน เพื่อตรวจดูระดับเชาว์ปัญญา เต๋าร้องไห้ บอกว่าไม่อยากอยู่ อยากกลับบ้าน พยาบาลได้ปลอบโยนและให้แม่ช่วยปลอบโยนอีกครั้ง เต๋าจึงเงียบ ทางวอร์ดอนุญาตให้แม่โทรศัพท์มาได้ในช่วงเย็นทุกวันและมารับกลับบ้านในบ่ายวันศุกร์ สองวันแรกเด็กดูเศร้า พูดน้อยถามคำตอบคำ อยู่ได้ 4 วัน เจ้าเต๋าก็เริ่มออกลาย ขณะกินข่าวเย็นเสร็จก็หายไป เจ้าหน้าที่ออกติดตามอยู่พักใหญ่ก็ไม่พบ ในที่สุดเจ้าหน้าที่ต้องขึ้นไปสำรวจทุกชั้นของวอร์ดผู้ป่วยในและพบว่าเจ้าเต๋ษลงไปแอบที่ถาดผ้า ปลอยโยนและนำตัวเต๋าออกมา เด็กยอมทำตามเด็กบอกว่าอยากกลับบ้าน
เช้าวันรุ่งขึ้นดิฉันได้รับรายงานดังกล่าว จึงพูกคุยกับเจ้าเต๋าหากเต๋าปฏิบัติตัวดีจะได้กลับบ้าน หากหนีไปเดี๋ยวแม่มารับจะไม่พบกัน และอาจได้รับอันตรายระหว่างทางได้วันต่อมาดิฉันเริ่มมอบหมายงานให้เต๋ารับผิดชอบ เต๋าวันนี้ช่วยพยาบาลหน่อยนะ เป็นตัวอย่างสอนน้องๆพี่ๆหน่อยนะ และช่วยเก็บของเข้าที่ด้วยนะ วันนี้สีหน้าของเต๋าเริ่มดีขึ้นและทำงานตามที่ได้รับมอบหมายได้และสุดท้ายเต๋าก็ได้รับคำชม วันนี้ดูแววตาเต๋าเป็นประกายเป็นพิเศษ อาจเป็นเพราะว่าวันนี้แม่จะมารับกลับบ้านตามสัญญา
สัปดาห์ที่ 2 เช้าวันจันทร์ ได้รับโทรศัพท์จากคุณแม่เต๋า ที่พยาบาลคะไม่ยอมไปโรงเรียนจะทำอย่างไร พยาบาลแนะนำให้คุณแม่หาคนช่วยนะคะ แม่จะพยายามและวางสายไป อีกราวครึ่งชั่วโมงต่อมาเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีก คุณแม่เต๋าคะ เต๋าไม่ยอมมาคะ ซึ่งปัญหานี้ทีมการรักษาได้ปรึกษากันไว้แล้ว ถ้าผู้ปกครองพาเด็กมาไม่ได้ ทีมการรักษาจะจัดรถไปรับถึงบ้าน ในที่สุดเราก็ได้ใช้แผนที่วางไว้ สั่งเจ้าหน้าที่พร้อมรถไปกับเต๋า เต๋าตกใจมาก เมื่อเห็นรถจอดหน้าบ้านพร้อมกับพยาบาล 1 คน และเจ้าหน้าที่ผู้ช่วยพยาบาลอีก 1 คน ลงจากรถ เต๋าหนีขึ้นชั้นสองไปแอบอยู่ในห้อง เจ้าหน้าที่ไปดักรออยู่ที่ระเบียงบ้าน เต๋าออกไปที่ระเบียงเจ้าหน้าที่จึงประกบและกอดรัดตัวไว้ได้ เต๋าดิ้นแต่ในที่สุดก็สงบและยอมมาโรงพยาบาล
สัปดาห์ที่ 3 เต๋าเริ่มปรับตัว (เริ่มช่วยงานเจ้าหน้าที่) เต๋าเริ่มปฎิบัติตัวดี กระตือรือล้นช่วยงานวอร์ด เช่น ช่วยล้างแก้วน้ำ เช็ดโต๊ะ เป็นต้น เต๋าได้รับคำชมเชย การมาอยู่โรงพยาบาลต้องมีกติกา กฎระเบียบ เต๋าสามารถปรับตัวได้
สัปดาห์ที่ 4 เช้าวันจันทร์ แม่โทรมาแจ้ง เต๋าไม่ยอมมาโรงพยาบาล ฟนีออกจากบ้านไปอยู่บ้านป้า ซึ่งอยู่ใกล้ๆ ทีมวอร์ดของเราออกค้นหารอบๆบริเวณบ้านไม่พบเต๋า เจ้าหน้าที่จึงกลับโรงพยาบาล แม่เต๋าโทรมาแจ้งว่าเต๋ากลับบ้านแล้ว วันต่อมามารดามาส่งเต๋าที่โรงพยาบาล คุณหมอเจ้าของไข้ขอพบแม่กับยาย เพื่อซักประวัติการเลี้ยงดู จากประวัติพ่อกับแม่แยกทางกันเมื่อเต๋าอายุได้ 2 ขวบ เต๋าจึงมาอยู่กับตากับยาย ยายจะสงสารหลานจะทำโทษเป็นส่วนน้อย ส่วนตาจะใข้เหตุผล ตาเป็นทหารต้องไปรับราชการที่สัตหีบ ส่วนใหญ่เต๋าจะอยู่กับยายตามลำพัง ช่วงหลังแม่ไม่ค่อยได้กลับบ้าน เพราะเรียนต่อและไปอยู่หอพัก จากการซักประวัติของหมอพบว่า มารดารยังไม่ได้ทำบทบาทของแม่เต็มที่ หมอเจ้าของไข้ ได้ให้คำแนะนำการดูแลเต๋าแก่ยายและแม่ ให้วางเงื่อนไขชัดเจนและต้องไม่ใจอ่อนกับเต๋า และให้แม่ให้เวลากับเต๋ามากขึ้น
สัปดาห์ที่ 5 เต๋ากลับมาอยู่โรงพยาบาลอีกครั้ง หน้าตาสดชื่น โรงเรียนใกล้เปิดเทอมแล้ว หมอให้คุณแม่ไปติดต่อโรงเรียน แม่ไปติดต่อโรงเรียนใกล้บ้าน โรงเรียนวัดแพรกษา ได้ขึ้นชั้น ป.3 เด็กสอบผ่านชั้น ป.2 ได้ ต๋าจึงได้ไปทดลองเรียน โดยไม่ต้องมาโรงพยาบาล
หมอและทีมงานตกลงกันว่าจะไปเยี่ยมบ้านและโรงเรียนของเต๋า สภาพบ้านน่าอยู่ อยู่ใกล้โรงเรียน แม่เห็นว่าช่วงหลังเต๋ายอมไปโรงเรียน แต่ไม่ยอมทำการบ้าน ยายบอกว่าแม่ทำงานกลับบ้านค่ำ คุณหมอขอให้แม่มีเวลาให้ลูก เพราะที่บ้านไม่มีเด็ก เมื่อเต๋ากลับจากโรงเรียนไม่มีเพื่อนคุยก็จะถีบจักรยานออกนอกบ้าน ไม่มีใครสอนการบ้าน ดังนัน้ขอให้คุณแม่ให้เวลาพูดคุยและสอนการบ้านลูก ให้แสดงความรักและใกล้ชิดลูก คุณแม่รับฟังและจะนำไปปฏิบัติ และทีมรักษาพร้อมด้วยคุณแม่และยายก็ไปเยี่ยมเต๋าที่โรงเรียน แม่ไม่เคยไปโรงเรียนเต๋าเลย ไม่เคยพูดคุยกับครูหรือเข้าร่วมกิจกรรมของโรงเรียน คุณยายรับหน้าที่ทั้งหมด เมื่อไปถึงโรงเรียน เราเห็นเต๋ากำลังก้มหน้าก้มตาทำงานที่ครูสั่ง พวกเราเข้าไปสวัสดีครูประจำชั้น ครูเรียกเต๋าพร้อมกันหน้าห้องเรียน เต๋าสวัสดีทีมงาน เต๋ามองแม่ ท่าทางเต๋าดีใจยิ้ม ดวงตาเป็นประกาย ครูชมเต๋าว่าตอนนี่รับผิดชอบงานดี ยกเว้นยังไม่ค่อยส่งการบ้าน เพื่อนบ้านๆ นักเรียนในห้องจ้องมาที่แม่เต๋าและพวกเราเพื่อนๆ นักเรียนแม่เต๋าหรือคะ คุณแม่พยักหน้า คุณครูบอกว่าพรุ่งนี้โรงเรียนจัดงานวันแม่ ไม่ทราบว่าคุณแม่มาร่วมงานไหมคะ ทีมงานส่งสายตาไปที่คุณแม่เต๋าและพยักหน้า แม่เต๋าจึงพยักหน้าตอบครู ทีมงานลากลับขณะเดินอยู่ที่สนาม เจ้าเต๋าตามลงมา โดยไม่สวมรองเท้าเข้าถึงเกาะแขนแม่ สีหน้าสดชื่น น้ำเสียงทักทายกังวาน ดูเต๋ามีความสุข
ได้เวลาทีมงานลากลับ แม่กับยายรอรับเต๋ากลับบ้านพร้อมกัน เมื่องานวันแม่ผ่านไป ดิฉันได้โทรคุยกับแม่เต๋ษว่าเป็นอย่างไร แม่บอกว่าไปร่วมงาน และช่วงนี้เต๋าดีขึ้นมากยอมไปโรงเรียน คุณแม่กลับบ้านเร็วได้พูดคุยกับลูกและสอนการบ้านลูก ทีมงานให้กำลังใจคุณแม่และชื่นชมคุณมา ที่สามารถปราบเจ้าเต๋าได้ด้วยความรักและความเข้าใจ ในที่สุดเรื่องวุ่นๆ ของเจ้าเต๋าก็จบลงด้วยดี แฮปปี้เอ็นดิ้ง (Happy ending)
|
|