LEADER 00000nam 2200000uu 4500 |
001 5588 |
003 ULIBM |
008 020711s2544 th a 000 0 tha d |
020 9749940946
|
050 วBF335 อ332 2544
|
100 อรพรรณ ลือบุญธวัชชัย
|
245 พัฒนารูปแบบการส่งเสริมสุขภาพจิตและการปรับตัวของผู้ป่วยเรื้อรังและครอบครัวในโรงพยาบาลและในชุมชนเมือง กรุงเทพมหานคร/อรพรรณ ลือบุญธวัชชัย
|
260 ^aกรุงเทพฯ:^b2544
|
300 130 หน้า
|
502 ทุนสนับสนุนจากงบประมาณแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2544
|
550 งานวิจัยเรื่อง พัฒนารูปแบบการส่งเสริมสุขภาพจิตและการปรับตัวของผู้ป่วยเรื้อรังและครอบครัวในโรงพยาบาลและในชุมชนเมือง กรุงเทพมหานครนี้เป็นงานวิจัยกึ่งทดลอง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพปัญหาและการปรับตัว และการพัฒนารูปแบบการส่งเสริมสุขภาพจิตและการปรับตัว ของผู้ป่วยเรื้อรังและครอบครัวทั้งในโรงพยาบาลและในชุมชนกรุงเทพมหานคร กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้มี 2 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นกลุ่มที่ศึกษาสภาพปัญหาและการปรับตัวได้แก่ผู้ป่วยเรื้อรังและครอบครัว 9 โรค จำนวน 180 ราย ได้แก่โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดสมอง โรคทางจิตเวช โรคเอดส์ โรคกระดูกและข้อ โรคเบาหวาน และผู้พิการ กลุ่มตัวอย่างที่เป็นกลุ่มทดลอง ได้แก่ ผู้ป่วยเรื้อรังและครอบครัว 8 โรค ได้แก่ผู้ป่วยและครอบครัวที่เป็นผู้ดูแลหลัก โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดสมอง โรคทางจิตเวชโรคเอดส์ โรคกระดูกและข้อ และโรคเบาหวาน จำนวน 160 ราย สุ่มเข้าสู่กลุ่มทดลอง และกลุ่มควบคุมกลุ่มละ 80 ราย เท่า ๆกัน เครื่องมือในการวิจัยประกอบด้วย เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบวัดการปรับตัวด้านจิตสังคมของผู้ป่วยเรื้อรังและครอบครัวที่คณะผู้วิจัยพัฒนาจากแบบวัด การปรับตัวด้านจิตสังคมจากแนวคิดของ Deragotio ได้หาความตรงเชิงเนื้อหาโดยผ่านผู้ทรงคุณวุฒิ ดังรายนามในภาคผนวก และหาส่าความเที่ยงของแบบวัด ได้ค่าความเที่ยงเท่ากับ 0.95 และได้พัฒนารูปแบบการส่งเสริมสุขภาพจิตของผู้ป่วยเรื้อรังและครอบครัว ซึ่งคณะผู้วิจัยสร้างขึ้น ประกอบด้วยกิจกรรมการให้ความรู้เรื่องโรคและการปรับตัว ต่อปัญหาด้านจิตสังคม โดยใช้กระบวนการสอนและการปรึกษาแบบกลุ่ม จากนั้นได้ทบทวนความตรงเชิงเนื้อหาโดยผ่านผู้ทรงคุณวุฒิ ปรับแก้และทดลอง ผลการศึกษาพบว่า 1. สภาพปัญหาของผู้ป่วยเรื้อรังและครอบครัว พบว่าปัญหาที่สำคัญและมีความต้องการการช่วยเหลือเป็นidแรกก็คือ ปัญหาการปรับตัวทางด้านจิตใจ รองลงมาก็คือปัญหาปรับตัวด้านอาชีพการงาน ด้านเพศ ด้านกิจกรรมทางสังคม ด้านสัมพันธภาพทางสังคม ด้านสุขภาพ และด้านสัมพันธภาพในครอบครัวตามid 2. สภาพปัญหาของครอบครัวตัวผู้ป่วยเรื้อรัง พบว่า ปัญหาที่สำคัญและมีความต้องการช่วยเหลือเป็นidแรกก็คือ ปัญหาการปรับตัวทางด้านจิตใจ รองลงมาก็คือปัญหาการปรับตัวด้านอาชีพการงาน ด้านกิจกรรมทางสังคม ด้านเพศ ด้านสัมพันธทางสังคม ด้านสุขภาพ และด้านสัมพันธภาพในครอบครัวตามid 3.ผลการทดลองใช้รูปแบบการส่งเสริมสุขภาพจิต ของผู้ป่วยเรื้อรังและครอบครัว ภายหลังการทดลองใช้รูปแบบการส่งเสริมสุขภาพจิต ของผู้ป่วยเรื้อรังและครอบครัว พบว่ากลุ่มตัวอย่างที่เข้ากลุ่มทดลองมีความสามารถในการปรับตัวสูงกว่าก่อนการทดลอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .05 และกลุ่มตัวอย่างที่เป็นกลุ่มทดลองมีความสามารถในการปรับตัวสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .05 สรุปได้ว่า รูปแบบการส่งเสริมสุขภาพจิตและการปรับตัวของผู้ป่วยเรื้อรังในโรงพยาบาลและในชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ พยาบาลสามารถประยุกต์รูปแบบนี้ไปใช้กับผู้ป่วยเรื้อรังอื่น ๆได้โดยปรับเรื่องความรู้ให้เหมาะสมตามชนิดของโรค
|
650 0 การส่งเสริมสุขภาพจิต-วิจัย
|
650 0 การปรับตัว-วิจัย
|
700 0 พิชญาภรณ์ มูลศิลป์
|
700 0 จิราพร เกศพิชญวัฒนา
|
700 0 เพ็ญนภา แดงด้อมยุทธ์
|
700 0 นรลักขณ์ เอื้อกิจ
|
700 0 รัชนีกร เกิดโชค
|
700 0 อัญชลี ศรีสุพรรณ
|
700 0 ชนกพร จิตปัญญา
|
999 ^aขจีนิภา เมธีวรกุลกิจ
|